- เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล เป็นทุนจดทะเบียน 813,678,700 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 406,839,350 บาท
- เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ได้ยื่นทุนชำระแล้วจากการจัดสรรหุ้นปันผล เป็นทุนชำระแล้ว 813,677,819 หุ้น หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นทุนชำระแล้วทั้งสิ้น 406,838,909.50 บาท
- เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 บริษัทฯ ได้รับอนุสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่แสดงถึงการ ประดิษฐ์ระบบและวิธีการก่อสร้างเสาเข็มเจาะ ซึ่งสามารถลดมลพิษทางเสียงให้กับที่พักอาศัยรอบข้าง และ/หรือลดการสั่นสะเทือน หลีกเลี่ยงความเสียหายเชิงโครงสร้างกับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้เคียง มีผลดี ต่อสิ่งแวดล้อม ระบบและวิธีการก่อสร้างเสาเข็ม
มีการประชุมร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อประมูลงานในต่างประเทศทำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565 ทางธนาคารกลางของประเทศเมียนมาร์ ได้มีประกาศให้บริษัท และบุคคลในประเทศเมียนมาร์ หยุดการชำระหนี้ด้วยสกุลเงินตราต่างประเทศ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด
• เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ได้เกิดการปฏิวัติในประเทศเมียนมาร์ จึงทำให้ บริษัท ซีฟโก้ เมียนมาร์ จำกัด หยุดการดำเนินการธุรกิจที่ประเทศเมียนมาร์ เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมาร์จะสงบลงและกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ
• เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลจากสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ESG100 ประจำปี 2564 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันมา 3 ปี
• เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นโรงงานสีเขียวระดับที่ 3 ซึ่งมีอายุการอนุมัติเป็นเวลา 3 ปี ถึงปี 2567
ซีฟโก้ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001 : 2015)
ซีฟโก้ได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากเดิม 1.00 บาทต่อหุ้น เป็น 0.50 บาทต่อหุ้น
โครงการเสาเข็มเจาะ, เสาเข็มแบบเหลี่ยมและกำแพงไดอะแฟรมวอลล์แห่งแรกของ ซีฟโก้ ในประเทศเมียนมาร์ โครงการคอนโดมิเนียม 29 ชั้นนี้จะเป็นอาคารที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในย่างกุ้งนอกจากนี้ยังเป็นที่จอดรถชั้นใต้ดินสามชั้นที่ลึกที่สุดแห่งแรกในย่างกุ้ง
โครงการ Cut and Cover อุโมงค์แห่งแรกของ ซีฟโก้ ในกรุงเทพมหานคร โครงการประกอบด้วยกำแพงไดอะแฟรมวอลล์, เสาเข็มเจาะโครงสร้างใต้ดินและงานถนน
งานกำแพงไดอะแฟรมวอลล์งานแรกของบริษัท ซีฟโก้ ในประเทศสิงคโปร์
ซีฟโก้ได้เปลี่ยนราคาพาร์ของหุ้นจาก 100 บาทเป็น 1 บาทต่อหุ้นและเพิ่มจำนวนหุ้นขึ้นอีก 90 ล้านหุ้นจากจำนวนหุ้นที่มีอยู่เดิมโดยมีมูลค่าหุ้นเท่ากับ 1 บาทต่อหุ้น ทำให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 210 ล้านบาท บริษัทฯได้ทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวัน ที่18 มีนาคม 2547 และได้เปิดทำการซื้อขายหุ้นผ่าน www.settrade.com เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2547
โครงการที่จอดรถใต้ดินแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร ที่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด ทำงานเป็นผู้รับเหมาหลัก
เสาเข็มเจาะรูปทรงกากบาทแห่งแรกในประเทศไทย เสาเข็มเจาะรูปทรงกากบาทออกแบบมาเพื่อต้านทานกระทำด้านข้างขนาดใหญ่สำหรับการติดตั้งโมโนโพลที่สร้างขึ้นในพื้นที่การทำงานที่จำกัด
ซีฟโก้ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น120 ล้านบาท และได้เปลี่ยนราคาพาร์ของหุ้นจาก 1,000 บาท เป็น 100 บาทต่อหุ้น
โครงการทางพิเศษแห่งแรกโดย ซีฟโก้ ใช้ระบบการฉีดน้ำปูนที่ปลายเข็มเจาะขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มกำลังการรับน้ำหนักให้ดีขึ้น
บริษัทฯได้ร่วมมือกับบริษัทโซลิตองซ์ เอ็นเตอร์ไพรส (Soletanche Enterprise) ซึ่งเป็น บริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงด้านการก่อสร้างกำแพงไดอะแฟรมวอลล์ในประเทศฝรั่งเศสมาทำงานในประเทศไทย โดยซีฟโก้จะรับงานมาแล้วช่วงงานกำแพงไดอาแฟรมวอลล์ต่อให้กับบริษัทโซลิตองซ์ เป็นผู้ก่อสร้าง ต่อมาทั้งบริษัทซีฟโก้และโซลิตองซ์ก็ได้แยกออกจากกัน
โครงการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ (Large Diameter Bored Piles) โครงการแรกโดย บริษัท ซีฟโก้ จำกัด ในกรุงเทพมหานคร
ซีฟโก้ได้ขายมูลค่าการลงทุนในบริษัท ไทย บาลโฟร์ บีทตี้ให้กับบริษัท สเตนท์เฟาเดชัน จำกัด แต่ได้ทำการซื้อเครื่องจักรและโอนย้ายพนักงานในส่วน ของกิจการร่วมค้ามาเป็นของบริษัทซีฟโก้นับตั้งแต่นั้นมา
กำแพงไดอะแฟรมวอลล์แบบลึกแห่งแรกสำหรับการก่อสร้างแบบท็อป-ดาวน์โดยมีชั้นใต้ดิน 6 ชั้น ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งลึกที่สุดในประเทศไทยในช่วงเวลานั้น
การเจาะเสาเข็มเจาะระบบเปียกครั้งแรกโดยบริษัท สเต๊น ซีฟโก้ จำกัด
บริษัทฯได้ร่วมทุนกับบริษัท สเตนท์เฟาเดชัน จำกัด (Stent Foundation) ซึ่งเป็นบริษัท ฐานรากที่มีชื่อเสียงในสหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่อกิจการ ร่วมค้า "สเตนท์ ซีฟโก้" ซึ่งรับงานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ เป็นหลัก โดยมีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ภายหลังกิจการ ร่วมค้าได้เป็นชื่อไทย บาลโฟร์ บีทตี้ (Balfour Beaty T)
บริษัทฯได้ทำการก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม2517 ด้วยทุนจดทะเบียนมูลค่า 3 ล้านบาท (ได้ชำระไป ณ เวลานั้น 1.5 ล้านบาท) โดยหุ้นบริษัทฯ มีราคาพาร์อยู่ที่1,000 บาทต่อหุ้น งานส่วนใหญ่ที่บริษัทฯ รับจะเป็นเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก
- เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล เป็นทุนจดทะเบียน 813,678,700 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 406,839,350 บาท
- เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ได้ยื่นทุนชำระแล้วจากการจัดสรรหุ้นปันผล เป็นทุนชำระแล้ว 813,677,819 หุ้น หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นทุนชำระแล้วทั้งสิ้น 406,838,909.50 บาท
- เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 บริษัทฯ ได้รับอนุสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่แสดงถึงการ ประดิษฐ์ระบบและวิธีการก่อสร้างเสาเข็มเจาะ ซึ่งสามารถลดมลพิษทางเสียงให้กับที่พักอาศัยรอบข้าง และ/หรือลดการสั่นสะเทือน หลีกเลี่ยงความเสียหายเชิงโครงสร้างกับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้เคียง มีผลดี ต่อสิ่งแวดล้อม ระบบและวิธีการก่อสร้างเสาเข็ม
มีการประชุมร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อประมูลงานในต่างประเทศทำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565 ทางธนาคารกลางของประเทศเมียนมาร์ ได้มีประกาศให้บริษัท และบุคคลในประเทศเมียนมาร์ หยุดการชำระหนี้ด้วยสกุลเงินตราต่างประเทศ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด
• เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ได้เกิดการปฏิวัติในประเทศเมียนมาร์ จึงทำให้ บริษัท ซีฟโก้ เมียนมาร์ จำกัด หยุดการดำเนินการธุรกิจที่ประเทศเมียนมาร์ เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมาร์จะสงบลงและกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ
• เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลจากสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ESG100 ประจำปี 2564 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันมา 3 ปี
• เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นโรงงานสีเขียวระดับที่ 3 ซึ่งมีอายุการอนุมัติเป็นเวลา 3 ปี ถึงปี 2567
ซีฟโก้ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001 : 2015)
ซีฟโก้ได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากเดิม 1.00 บาทต่อหุ้น เป็น 0.50 บาทต่อหุ้น
โครงการเสาเข็มเจาะ, เสาเข็มแบบเหลี่ยมและกำแพงไดอะแฟรมวอลล์แห่งแรกของ ซีฟโก้ ในประเทศเมียนมาร์ โครงการคอนโดมิเนียม 29 ชั้นนี้จะเป็นอาคารที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในย่างกุ้งนอกจากนี้ยังเป็นที่จอดรถชั้นใต้ดินสามชั้นที่ลึกที่สุดแห่งแรกในย่างกุ้ง
โครงการ Cut and Cover อุโมงค์แห่งแรกของ ซีฟโก้ ในกรุงเทพมหานคร โครงการประกอบด้วยกำแพงไดอะแฟรมวอลล์, เสาเข็มเจาะโครงสร้างใต้ดินและงานถนน
งานกำแพงไดอะแฟรมวอลล์งานแรกของบริษัท ซีฟโก้ ในประเทศสิงคโปร์
ซีฟโก้ได้เปลี่ยนราคาพาร์ของหุ้นจาก 100 บาทเป็น 1 บาทต่อหุ้นและเพิ่มจำนวนหุ้นขึ้นอีก 90 ล้านหุ้นจากจำนวนหุ้นที่มีอยู่เดิมโดยมีมูลค่าหุ้นเท่ากับ 1 บาทต่อหุ้น ทำให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 210 ล้านบาท บริษัทฯได้ทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวัน ที่18 มีนาคม 2547 และได้เปิดทำการซื้อขายหุ้นผ่าน www.settrade.com เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2547
โครงการที่จอดรถใต้ดินแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร ที่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด ทำงานเป็นผู้รับเหมาหลัก
เสาเข็มเจาะรูปทรงกากบาทแห่งแรกในประเทศไทย เสาเข็มเจาะรูปทรงกากบาทออกแบบมาเพื่อต้านทานกระทำด้านข้างขนาดใหญ่สำหรับการติดตั้งโมโนโพลที่สร้างขึ้นในพื้นที่การทำงานที่จำกัด
ซีฟโก้ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น120 ล้านบาท และได้เปลี่ยนราคาพาร์ของหุ้นจาก 1,000 บาท เป็น 100 บาทต่อหุ้น
โครงการทางพิเศษแห่งแรกโดย ซีฟโก้ ใช้ระบบการฉีดน้ำปูนที่ปลายเข็มเจาะขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มกำลังการรับน้ำหนักให้ดีขึ้น
บริษัทฯได้ร่วมมือกับบริษัทโซลิตองซ์ เอ็นเตอร์ไพรส (Soletanche Enterprise) ซึ่งเป็น บริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงด้านการก่อสร้างกำแพงไดอะแฟรมวอลล์ในประเทศฝรั่งเศสมาทำงานในประเทศไทย โดยซีฟโก้จะรับงานมาแล้วช่วงงานกำแพงไดอาแฟรมวอลล์ต่อให้กับบริษัทโซลิตองซ์ เป็นผู้ก่อสร้าง ต่อมาทั้งบริษัทซีฟโก้และโซลิตองซ์ก็ได้แยกออกจากกัน
โครงการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ (Large Diameter Bored Piles) โครงการแรกโดย บริษัท ซีฟโก้ จำกัด ในกรุงเทพมหานคร
ซีฟโก้ได้ขายมูลค่าการลงทุนในบริษัท ไทย บาลโฟร์ บีทตี้ให้กับบริษัท สเตนท์เฟาเดชัน จำกัด แต่ได้ทำการซื้อเครื่องจักรและโอนย้ายพนักงานในส่วน ของกิจการร่วมค้ามาเป็นของบริษัทซีฟโก้นับตั้งแต่นั้นมา
กำแพงไดอะแฟรมวอลล์แบบลึกแห่งแรกสำหรับการก่อสร้างแบบท็อป-ดาวน์โดยมีชั้นใต้ดิน 6 ชั้น ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งลึกที่สุดในประเทศไทยในช่วงเวลานั้น
การเจาะเสาเข็มเจาะระบบเปียกครั้งแรกโดยบริษัท สเต๊น ซีฟโก้ จำกัด
บริษัทฯได้ร่วมทุนกับบริษัท สเตนท์เฟาเดชัน จำกัด (Stent Foundation) ซึ่งเป็นบริษัท ฐานรากที่มีชื่อเสียงในสหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่อกิจการ ร่วมค้า "สเตนท์ ซีฟโก้" ซึ่งรับงานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ เป็นหลัก โดยมีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ภายหลังกิจการ ร่วมค้าได้เป็นชื่อไทย บาลโฟร์ บีทตี้ (Balfour Beaty T)
บริษัทฯได้ทำการก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม2517 ด้วยทุนจดทะเบียนมูลค่า 3 ล้านบาท (ได้ชำระไป ณ เวลานั้น 1.5 ล้านบาท) โดยหุ้นบริษัทฯ มีราคาพาร์อยู่ที่1,000 บาทต่อหุ้น งานส่วนใหญ่ที่บริษัทฯ รับจะเป็นเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก