ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์

กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

การทำงานในปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจแบบมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดย บริหารงานแบบครอบคลุมทั้ง 3 มิติ คือ มิติต้านสังคม มิติด้านสิ่งแวดล้อม และมิติด้านเศรษฐกิจ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้มีส่วนได้เสียที่บริษัทยึดถือเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัทดูแลและส่งเสริมมิติด้านสังคมภายในองค์กรโดยการบริหารแบบแนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ “ความพอดี” ให้สังคมภายในองค์กรรู้จักการเก็บออมและเสริมสร้างด้านพลังจิต พลังใจโดยนำหลักของ ศีล สมาธิ มาปฎิบัติในองค์กรให้พนักงานและผู้บริหารเกิดปัญญาทางธรรมควบคู่กับปัญญาทางโลก ด้วยการนำหลักสูตรสมาธิของมูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพ ที่ก่อตั้งโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ที่ข้าพเจ้าเป็นกรรมการมูลนิธิดังกล่าวอยู่ด้วยมาเปิดสอนในบริษัทเพื่อให้ผู้บริหาร พนักงานและประชาชนในชุมชนโดยรอบบริษัทได้เข้าศีกษาอบรมเต็มตามหลักสูตรสมาธิ 6 เดือน ในหลักสูตร “ครูสมาธิ” ปีละ 2 รุ่นเป็นระยะเวลากว่า 8 ปีมาแล้ว จนถึงปัจจุบันได้ขยายหลักสูตรเพื่อเสริมสร้างปัญญาต่อเนื่องให้ผู้อบรมครูสมาธิจบแล้วได้ทำสมาธิอย่างสั้นอีกครั้งละ 5 นาที (วิธิสาสมาธิ) วันละ 3 เวลา คือเวลาก่อนเริ่มงานตอนเช้า ก่อนรับประทานอาหารเที่ยง และก่อนเลิกงานตอนเย็น มิติด้านสังคมบริษัทได้อนุญาตให้บุคคลภายนอกในชุมชนใกล้เคียงบริษัทสามารถเข้ามารับการอบรมสมาธิในเวลาเย็น (18.00 - 20.30 น.) ควบคู่ไปกับพนักงานบริษัทได้ รวมทั้งบริษัทยังมีกิจจกรรมร่วมกับวัด กับโรงเรียน และหน่วยงานของรัฐ รอบบริษัทอย่างสม่ำเสมอมา

ส่วนมิติสิ่งแวดล้อม บริษัทได้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อดูแลให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการทำธุรกิจก่อสร้างเสาเข็มเจาะและกำแพงกันดินลึกระบบไดอาเฟรมวอลล์ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ซึ่งในปี 2562 บริษัทได้พัฒนาวิธีการก่อสร้างเสาเข็มเจาะโดยไม่ใช้เครื่องเขย่า ทำให้สามารถลดการรบกวนจากความสั่นสะเทือนลงได้กว่า 75% และได้รับรางวัลดีเด่นด้านนวัตกรรมจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนั้นแล้วบริษัทยังได้รับจดทะเบียนให้ได้รับการรับรองการจัดการคุณภาพ ISO 9001 Version 2015 ในปี 2563 โดยได้รับการรับรอง ISO9001:2015 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 และปัจจุบันกำลังทำขอจดทะเบียนเรื่องโรงงานสีเขียวระดับที่ 3 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรมโดยได้รับใบรับรองเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 รวมทั้งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทได้รับรางวัลจากสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ESG100 ประจำปี 2564 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และในด้านมิติเศรษฐกิจบริษัทได้ดูแลผลประโยชน์ผู้มีส่วนได้เสียทุกระดับ ด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดีและเป็นไปตามจริยธรรมของบริษัท

ในปี 2564 บริษัทมีผลประกอบการ ขาดทุน 56.64 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,434.20 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา อันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สภาวะตลาดงานก่อสร้างลดลงเป็นจำนวนมากจากทั้งภาคเอกชน และภาครัฐบาลมีการเลื่อนโครงการออกไป จึงทำให้ตลาดมีการแข่งขันสูง

ในปี 2565 บริษัทมีงานในมือที่ยังไม่ได้ส่งมอบอีก 1,113.46 ล้านบาท และคาดว่าแนวโน้มของการระบาดโควิด–19 น่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน และในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ภาครัฐได้มีการประมูลงานรถไฟรางคู่และงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คงจะทำให้ตลาดก่อสร้างดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จะมุ่งมั่นดำเนินงานในแนวทางการยั่งยืน เพื่อที่จะนำพาบริษัทให้ผ่านสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถดถอยนี้ไปได้และสร้างความเติบโตของธุรกิจให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

ท้ายนี้ บริษัท ขอขอบคุณ พนักงาน ผู้บริหาร คู่ค้า สถาบันการเงิน และทุกฝ่ายที่ทุ่มเทให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา